เนื่องจากช่วงนี้มีคำถามเข้ามาในไลน์ เห็นว่าน่าจะเอามาอธิบายในนี้เพราะเป็นคำถามที่มีรายละเอียด ผมพิมพ์ลงในไลน์ไม่ไหวก็เลยขอมาตอบในนี้ครับ โดยมีเรื่องราวดังนี้ครับ
1.ตลาดหุ้นกับทอง
2.
ทองกับยูโร
3. neck
line
4.factor ราคาทอง
เริ่มที่ตลาดหุ้นไทยกับราคาทอง
สิ่งที่เหมือนกันของสองอย่างนี้ชัดๆ
ก็คือ สวนทางกับดอลล่าร์
สิ่งที่แตกต่างกันชัดๆ
ของสองอย่างนี้คือระดับผลกระทบที่มาจาก
ปัจจัยภายในประเทศไทย ที่ไปกระทบความเชื่อมันในสินทรัพย์ทั้ง
สองอย่างนี้
ปัจจัยภายในประเทศไทย ที่ไปกระทบความเชื่อมันในสินทรัพย์ทั้ง
สองอย่างนี้
ต้องบอกว่าจริงๆ
หุ้นไทยไม่ได้สวนทางกับดอลล่าร์จริงจังอะไรครับ
เพียงแต่ตอนนี้เค้าทำ Dollar Carry Trade คือกู้เงินสกุลดอลล่าร์
เนื่องจากดอกเบี้ยต่ำ 0.25% ไปลงทุนในตลาดหุ้นตลาดต่างๆ ทั่ว
โลก เงินก็จะไหลไป อเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชีย ยุโรป ถ้าจากที่เรา
ทราบๆ กันมาจะบอกได้ว่าเงินไปที่ไหน ครับ เอเชียครับ เป็นภูมิภาค
ที่เม็ดเงินไหลเข้ามาเพราะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าภูมิภาคอื่น ก่อน
หน้านี้ห้าปี จุดที่น่าสนใจที่สุดคือเอเชียตะวันออก จีน ไต้หวัน ฮ่องกง
ญี่ปุ่น เกาหลี หลังจากที่จีนเริ่มชะลอความร้อนแรงเพื่อป้องกันฟอง
สบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และทางเอเชียอาคเนย์มีโปรเจกต์ยักษ์
เรื่อง AEC เข้ามา เม็ดเงินก็เปลี่ยนมาให้น้ำหนักการลงทุนในเขต
อาเซียนมากขึ้นเพราะมองถึงการเติบโต ยังต้องซ่อมต้องสร้างอะไร
อีกเยอะทั้งไทย(รถไฟฟ้า ชลประทาน ฟลัดเวย์ต้องไม่ลืมสามจีด้วย) ..
อินโด(อันนี้ประชากร 200 ล้านคน) พม่า (คนพม่ายังต้องปั่นไฟเองอยู่
เลย) เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นเม็ดเงินลงทุนที่ไปกู้มาในรูปเงินดอล
ล่าร์ก็จะถูกขายแล้วเปลี่ยนมาเป็นสกุลเงินเอเชียเพื่อลงทุนผ่าน
ตลาดหลักทรัพย์บ้าง ผ่านการลงทุนจริงๆ บ้าง ในขณะเดียวกันเมื่อ
ดอลล่าร์อ่อนค่า ก็เป็นปกติที่สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งหนึ่งในนั้นคือทองจะ
มีการปรับตัวขึ้น
เพียงแต่ตอนนี้เค้าทำ Dollar Carry Trade คือกู้เงินสกุลดอลล่าร์
เนื่องจากดอกเบี้ยต่ำ 0.25% ไปลงทุนในตลาดหุ้นตลาดต่างๆ ทั่ว
โลก เงินก็จะไหลไป อเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชีย ยุโรป ถ้าจากที่เรา
ทราบๆ กันมาจะบอกได้ว่าเงินไปที่ไหน ครับ เอเชียครับ เป็นภูมิภาค
ที่เม็ดเงินไหลเข้ามาเพราะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าภูมิภาคอื่น ก่อน
หน้านี้ห้าปี จุดที่น่าสนใจที่สุดคือเอเชียตะวันออก จีน ไต้หวัน ฮ่องกง
ญี่ปุ่น เกาหลี หลังจากที่จีนเริ่มชะลอความร้อนแรงเพื่อป้องกันฟอง
สบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์และทางเอเชียอาคเนย์มีโปรเจกต์ยักษ์
เรื่อง AEC เข้ามา เม็ดเงินก็เปลี่ยนมาให้น้ำหนักการลงทุนในเขต
อาเซียนมากขึ้นเพราะมองถึงการเติบโต ยังต้องซ่อมต้องสร้างอะไร
อีกเยอะทั้งไทย(รถไฟฟ้า ชลประทาน ฟลัดเวย์ต้องไม่ลืมสามจีด้วย) ..
อินโด(อันนี้ประชากร 200 ล้านคน) พม่า (คนพม่ายังต้องปั่นไฟเองอยู่
เลย) เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นเม็ดเงินลงทุนที่ไปกู้มาในรูปเงินดอล
ล่าร์ก็จะถูกขายแล้วเปลี่ยนมาเป็นสกุลเงินเอเชียเพื่อลงทุนผ่าน
ตลาดหลักทรัพย์บ้าง ผ่านการลงทุนจริงๆ บ้าง ในขณะเดียวกันเมื่อ
ดอลล่าร์อ่อนค่า ก็เป็นปกติที่สินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งหนึ่งในนั้นคือทองจะ
มีการปรับตัวขึ้น
นี่คือความสัมพันธ์
จุดเชื่อม แต่ในรายละเอียด มีความแตกต่างกัน
มากมาย จุดที่แตกต่างกันชัดๆ คือ ทองไม่ลงเวลาที่บ้านเรามี
รัฐประหาร เผาบ้านเผาเมือง น้ำท่วม ไม่ได้ส่งผลต่อทอง อาจจะมี
บ้างที่แรงซื้อแรงขายบ้านเราไปกระทบแต่แค่สิวๆ เหมือนเอามือตัว
เองไปทุบตอม่อสะพานแขวนอ่ะครับ และอีกอย่างที่ต่างกันคือแรง
ขับเคลื่อน ทองนั้นแรงขับเคลื่อนหลักๆ อยู่ที่นโยบายของธนาคาร
กลางสหรัฐหรือเฟด แต่หุ้นไทยในเวลานี้ขึ้นกับตัวเราเองมากกว่า
หุ้นสนคิวอีน้อยกว่าทองเยอะครับ
มากมาย จุดที่แตกต่างกันชัดๆ คือ ทองไม่ลงเวลาที่บ้านเรามี
รัฐประหาร เผาบ้านเผาเมือง น้ำท่วม ไม่ได้ส่งผลต่อทอง อาจจะมี
บ้างที่แรงซื้อแรงขายบ้านเราไปกระทบแต่แค่สิวๆ เหมือนเอามือตัว
เองไปทุบตอม่อสะพานแขวนอ่ะครับ และอีกอย่างที่ต่างกันคือแรง
ขับเคลื่อน ทองนั้นแรงขับเคลื่อนหลักๆ อยู่ที่นโยบายของธนาคาร
กลางสหรัฐหรือเฟด แต่หุ้นไทยในเวลานี้ขึ้นกับตัวเราเองมากกว่า
หุ้นสนคิวอีน้อยกว่าทองเยอะครับ
จุดสำคัญคือผมไม่ค่อยพยายามผูกอันนี้เข้ากับอันนั้นอันโน้นนัก
ปวด
หัว ลำพังเดาอันเดียวก็ยากอยู่แล้ว ขนาดทองกับดอลล่าร์ผมยังไม่
ค่อยอยากมองไปที่ดอลล่าร์เลยครับหากจะเดาขอดูที่ทองอย่างเดียว
หัว ลำพังเดาอันเดียวก็ยากอยู่แล้ว ขนาดทองกับดอลล่าร์ผมยังไม่
ค่อยอยากมองไปที่ดอลล่าร์เลยครับหากจะเดาขอดูที่ทองอย่างเดียว
เรื่องต่อมาคือทองกับยูโร
หรือทองกับปัญหายูโรโซน
ต้องบอกว่าปกติทองกับค่าเงินยูโรมีทิศทางที่ไปในทางเดียวกันแต่
ปัจจัยที่มาหนุนต่างกัน
ปัจจัยที่มาหนุนต่างกัน
ยูโรสวนทางกับดอลล่าร์อันนี้แน่นอนที่สุด
เพราะมันผันตรงข้ามกัน
โดยตรง แต่การที่ดอลล่าร์อ่อนแล้วสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเนี่ย
ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครไปกำหนดไว้แบบนั้นแต่ผมเดาว่ายังเป็นเรื่อง
ของDollar Carry Trade และการกลัวเงินเฟ้อเข้าถือสินค้าโภคภัณฑ์
เพื่อถัวความเสี่ยงเงินเฟ้อ
โดยตรง แต่การที่ดอลล่าร์อ่อนแล้วสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นเนี่ย
ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครไปกำหนดไว้แบบนั้นแต่ผมเดาว่ายังเป็นเรื่อง
ของDollar Carry Trade และการกลัวเงินเฟ้อเข้าถือสินค้าโภคภัณฑ์
เพื่อถัวความเสี่ยงเงินเฟ้อ
ลำพังทองอย่างเดียว
สิ่งที่เป็นปัจจัยหลักๆ พื้นฐานเลยคือดีมาน
ด์ซัพพลาย เหมืองทอง ธนาคารกลาง ความเชื่อมั่นในสกุลเงินปลอดภัยอย่างดอลล่าร์ เยน สวิสฟรัง
ด์ซัพพลาย เหมืองทอง ธนาคารกลาง ความเชื่อมั่นในสกุลเงินปลอดภัยอย่างดอลล่าร์ เยน สวิสฟรัง
แต่สกุลเงินยูโรขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มยูโร
และกับในยามนี้คือความเชื่อมั่น
หากมีปัญหาความเชื่อมั่นในเงิน
สกุลต่างๆ โดยเฉพาะสกุลเงิน
ปลอดภัย ทองจะปรับตัวขึ้นจากการที่มันเป็นสินค้าทดแทน แต่หาก
เป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจที่กระเทือนไปในวงกว้างไม่แค่เฉพาะยูโร
โซน ทองจะลงจากการดึงเงินกลับเข้าสหรัฐ ลดการลงทุนถือเป็น
เงินสด จากที่ผ่านมาเวลาที่ยูโรมีปัญหาขึ้นมาทีไร ทองลงแทบตลอด
มีอยู่ครั้งนึงที่ความเชื่อมั่นในเงินยูโรลดลง ตอนที่ทำ Stress Test
ครั้งที่สองของธนาคารยุโรป ผลออกมาดี แต่เค้าไม่บอกว่าดียังไงเอา
อะไรมาวัด เหมือนบอกว่าสอบผ่าน แต่ไม่บอกว่าที่ผ่านมาได้ทำ
ข้อสอบได้กี่คะแนน กระเทือนความเชื่อมั่น ตอนนั้นทองขึ้น หรือไม่
นานจากนั้นอยู่ๆ ทองก็วิ่งแรงแต่จำไม่ได้ว่าลงแรงหรือขึ้นแรงเพราะ
เงินสวิสฟรังดีดแรงเนื่องจากความเชื่อมั่นในเงินยูโรหดหาย แต่เงินส
วิสยังคงความน่าเชื่อถือเป็นต้น
ปลอดภัย ทองจะปรับตัวขึ้นจากการที่มันเป็นสินค้าทดแทน แต่หาก
เป็นปัญหาด้านเศรษฐกิจที่กระเทือนไปในวงกว้างไม่แค่เฉพาะยูโร
โซน ทองจะลงจากการดึงเงินกลับเข้าสหรัฐ ลดการลงทุนถือเป็น
เงินสด จากที่ผ่านมาเวลาที่ยูโรมีปัญหาขึ้นมาทีไร ทองลงแทบตลอด
มีอยู่ครั้งนึงที่ความเชื่อมั่นในเงินยูโรลดลง ตอนที่ทำ Stress Test
ครั้งที่สองของธนาคารยุโรป ผลออกมาดี แต่เค้าไม่บอกว่าดียังไงเอา
อะไรมาวัด เหมือนบอกว่าสอบผ่าน แต่ไม่บอกว่าที่ผ่านมาได้ทำ
ข้อสอบได้กี่คะแนน กระเทือนความเชื่อมั่น ตอนนั้นทองขึ้น หรือไม่
นานจากนั้นอยู่ๆ ทองก็วิ่งแรงแต่จำไม่ได้ว่าลงแรงหรือขึ้นแรงเพราะ
เงินสวิสฟรังดีดแรงเนื่องจากความเชื่อมั่นในเงินยูโรหดหาย แต่เงินส
วิสยังคงความน่าเชื่อถือเป็นต้น
เท่าที่ผ่านมา
ถ้ายูโรโซนมีปัญหาหนักๆ เข้ามาและหาทางออกไม่ได้
ทองลง โดยถ้าเป็นในแง่ของการอัดฉีดเงินของทางกลุ่มยุโรปก็เกี่ยว
กับทองน้อยมากเพราะมันออฟเซ็ตในตัวมันเอง ไม่มีผล
ทองลง โดยถ้าเป็นในแง่ของการอัดฉีดเงินของทางกลุ่มยุโรปก็เกี่ยว
กับทองน้อยมากเพราะมันออฟเซ็ตในตัวมันเอง ไม่มีผล
เพราะฉะนั้นถ้าถามเกี่ยวกับสเปนในตอนนี้จะมีผลกับทองในทางใด
ถ้ากระเทือนถึงการเข้าซื้อพันธบัตรก็จะทำให้ทองปรับตัวลงได้
ทำให้ตกใจได้ แต่หลักๆ ไม่เปลี่ยนแนวโน้มหลักเพราะสหรัฐบอกไป
แล้วว่าเป้าหมายเค้าอยู่อีกไกลแค่ไหนจะไม่หลุดจนกว่าผลจะออกมา
น่าพอใจ เม็ดเงินที่เข้ามาที่มีผลต่อทองทางสหรัฐถือว่ามีผลมากกว่า
ผมว่าเค้าไม่หยุดทำเอาง่ายๆตอนนี้แน่ๆ
ถ้ากระเทือนถึงการเข้าซื้อพันธบัตรก็จะทำให้ทองปรับตัวลงได้
ทำให้ตกใจได้ แต่หลักๆ ไม่เปลี่ยนแนวโน้มหลักเพราะสหรัฐบอกไป
แล้วว่าเป้าหมายเค้าอยู่อีกไกลแค่ไหนจะไม่หลุดจนกว่าผลจะออกมา
น่าพอใจ เม็ดเงินที่เข้ามาที่มีผลต่อทองทางสหรัฐถือว่ามีผลมากกว่า
ผมว่าเค้าไม่หยุดทำเอาง่ายๆตอนนี้แน่ๆ
เรื่องต่อมาเป็นคำถามเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
เรื่อง neck
line ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจครับสำหรับเวลานี้ เป็นตัววัดว่าทองจะ
หลุดหรือเปล่า จะผ่านหรือเปล่า คำนิยามของ Neck Line ก็ง่ายๆ ครับ
. เส้นที่คอ ระยะจากหัวถึงเส้นที่คอ คือระยะที่จะลงจากไหล่ไปสุด
แขน(ลงสุด) และถ้าหลุดเส้นที่คอลงมาแล้ว กลับไปเกินเส้นที่คอไม่
ได้ ก็จะลงจริงๆ อีกทีครับ ตัวอย่างของเส้นที่คอที่ชัดเจนที่สุดคือ
ตอนทำสามหัวที่ 1400 – 1420 แล้วลงไป 1308 นั่นแหละครับเป๊ะ
มากตามในรูป 1 กับสถานการณ์ตอนนี้ ไล่ตั้งแต่ตามรูปที่ 2 มีเส้น
ที่เป็น neck line อยู่ถึง 4 เส้น A, B, C และ D โดย A และB ใช้ไป
แล้วผ่านลงมาแล้ว และกลับไปเกินกว่าเส้นนั้นไม่ได้ด้วยก็เลยลงมา
ตามลำดับครับ ในนาทีนี้เส้นที่ใช้อยู่คือเส้น C แต่เส้นที่สำคัญที่สุด
และอาจเป็นประเด็นในช่วงต่อไปคือเส้น D สำหรับเส้น D คอนเฟิร์ม
แนวแล้วด้วยตอนที่ลงมา 1756 ถ้าหลุดแล้วมีรีบาวด์แล้วกลับมาเกิน
กว่าจุดนั้นไม่ได้ เป้าอยู่ที่ 1710 – 1720 ครับ อย่าได้ตกอกตกใจไป
ครับ ทำใจไว้ตั้งแต่ต้นหรือเปล่าครับสำหรับท่านที่ซื้อไว้แล้ว ถ้า
ทำใจไว้แล้วต่อให้ลงมาจริงๆ (ไม่รู้เหมือนกันแต่อยากให้ลง) ก็ถือไป
และเก็บเพิ่มครับ ส่วนจะลงไม่ลง ถึงตอนนี้ต้องเรียกว่ายังมีโอกาส
โดยเฉพาะกลับไปเกิน 1780 ไม่ได้ในวันสองวันนี้ครับ
line ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจครับสำหรับเวลานี้ เป็นตัววัดว่าทองจะ
หลุดหรือเปล่า จะผ่านหรือเปล่า คำนิยามของ Neck Line ก็ง่ายๆ ครับ
. เส้นที่คอ ระยะจากหัวถึงเส้นที่คอ คือระยะที่จะลงจากไหล่ไปสุด
แขน(ลงสุด) และถ้าหลุดเส้นที่คอลงมาแล้ว กลับไปเกินเส้นที่คอไม่
ได้ ก็จะลงจริงๆ อีกทีครับ ตัวอย่างของเส้นที่คอที่ชัดเจนที่สุดคือ
ตอนทำสามหัวที่ 1400 – 1420 แล้วลงไป 1308 นั่นแหละครับเป๊ะ
มากตามในรูป 1 กับสถานการณ์ตอนนี้ ไล่ตั้งแต่ตามรูปที่ 2 มีเส้น
ที่เป็น neck line อยู่ถึง 4 เส้น A, B, C และ D โดย A และB ใช้ไป
แล้วผ่านลงมาแล้ว และกลับไปเกินกว่าเส้นนั้นไม่ได้ด้วยก็เลยลงมา
ตามลำดับครับ ในนาทีนี้เส้นที่ใช้อยู่คือเส้น C แต่เส้นที่สำคัญที่สุด
และอาจเป็นประเด็นในช่วงต่อไปคือเส้น D สำหรับเส้น D คอนเฟิร์ม
แนวแล้วด้วยตอนที่ลงมา 1756 ถ้าหลุดแล้วมีรีบาวด์แล้วกลับมาเกิน
กว่าจุดนั้นไม่ได้ เป้าอยู่ที่ 1710 – 1720 ครับ อย่าได้ตกอกตกใจไป
ครับ ทำใจไว้ตั้งแต่ต้นหรือเปล่าครับสำหรับท่านที่ซื้อไว้แล้ว ถ้า
ทำใจไว้แล้วต่อให้ลงมาจริงๆ (ไม่รู้เหมือนกันแต่อยากให้ลง) ก็ถือไป
และเก็บเพิ่มครับ ส่วนจะลงไม่ลง ถึงตอนนี้ต้องเรียกว่ายังมีโอกาส
โดยเฉพาะกลับไปเกิน 1780 ไม่ได้ในวันสองวันนี้ครับ
เรื่องสุดท้าย ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทอง
แยกเป็นสองทางหลักๆ คือ ดีมานด์ความต้องการซื้อทองและซัพพลาย แหล่ง
ป้อนทองสู่ตลาด
ความต้องการทองคำในปัจจุบัน ส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือความต้องการทองในการลงทุน ส่วนการซื้อทองไปเป็นเครื่องประดับนั้นลดลงเนื่องจากราคาที่
สูงขึ้น และสูงขึ้นมาก อีกส่วนนึงที่ถือเป็นปัจจัยหลักคือ จากธนาคารกลาง
ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำเป็นต้องมีสินทรัพย์มาหนุนค่าเงินตัวเองเพื่อใ
ห้มีความน่าเชื่อถือมากพอ ทองและดอลล่าร์เป็นตัวหลักที่เค้าถือไว้ ในช่วง
ที่ผ่านมาค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงทำให้ทองมีความสำคัญกับพอร์ตของ
ธนาคารกลางมากขึ้นเพราะความด้อยค่าของดอลล่าร์ เวลาที่ดอลล่าร์อ่อนค่
าลงอย่างมีนัยยะสำคัญมักจะมีข่าวการเข้าซื้อทองของธนาคารกลางออกมา
ในส่วนของซัพพลายของทองหรือแหล่งผลิตทอง นอกจากเหมืองทองที่มีอยู่อย่างจำกัดแล้วเราจะมีธนาคารกลางเป็นแหล่งที่มาได้ด้วยเวลาที่ธนาคารกลางปรับพอร์ตที ทองจำนวนมากจะออกมาแต่เนื่องจากมีมาตรการรองรับ
ในส่วนนี้หลายอย่างและไม่ได้เกิดบ่อยๆ จึงไม่ค่อยได้เห็นนัก
สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ สำหรับการติดตามราคาทองคือ นโยบายการเงิน
สหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะมากระทบนโยบาย ข่าวความเป็นไปในยูโรโซน
ราคาน้ำมัน ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์
สิ่งที่ถือว่าเป็นตัวผลักดันหลักๆ คือนโยบายการเงินสหรัฐ เปรียบว่าการเทรด
ทองเป็นการเทรดหุ้น ผลประกอบการของสหรัฐเป็นตัวที่เราจะต้องติดตาม
กำไรดีไหม หนี้เยอะไปไหม อัตราการเจริญเติบโตเป็นอย่างไร แผนงานเป็น
อย่างไร แต่สิ่งที่นำมาประกอบกับทองต้องกลับหัวกลับหางกันครับถ้าสหรัฐ
แย่ ทองจะดีครับ ซึ่งมันจะออกมาในคำพูดที่ว่า ถ้ามีแววว่าค่าเงินดอลล่าร์จะ
อ่อนทองจะขึ้น และถ้าดอลล่าร์จะแข็งทองจะลง
ปัจจัยที่มากระทบต่อทองนั้นมีมากมาย สงครามก็ใช่ แต่หลังๆ สนน้อยลง
สงครามเดี๋ยวนี้ไม่กระจายเป็นวงกว้าง
ทำให้ปัจจัยอีกอย่่างเข้ามามีบทบาทคือปัจจัยทางเทคนิค เพราะคนเทรดทอง
ให้น้ำหนักกับเทคนิคกันเยอะ และเป็นอย่างนี้มาตลอด
เพื่อให้เห็นภาพ ป้จจัยที่มาส่งผลต่อราคาทองมักเป็นปัจจัยด้านตลาดเงิน
มากกว่าตลาดทุน กล่าวคือผมมักเงี่ยหูฟังข่าวทองจากพวกเว็บเทรดค่าเงิน
มากกว่าข่าวตลาดหุ้น ทองมีลักษณะที่ต่างจากโลหะอื่นๆ คือจุดนี้ คือมัน
แทนเงินได้ ราวๆ นี้ครับ
ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องตามตลาดให้ทันอย่าอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เพราะมันจะ
ช้าไปสองวัน รู้ว่าอะไรที่เป็นเหตุผลในตลาดในเวลานั้น ความถูกต้องเป็นรอง
ความเชื่อของคนส่วนใหญ่ครับ คนเชื่อว่าไง คนส่วนใหญ่ว่าไง ว่างั้นครับ แค่
ถ้าเราไม่ได้เชื่อไปเหมือนพวกเค้าเราก็มีทางเลือกคือสวนทางกับอยู่เฉยๆ ครับ
หลายๆ ครั้งที่ผมต้องตอบไปว่าเหตุผลช่างมัน เวลาที่ลูกค้าถามว่าทำไมมัน
ขึ้นทำไมมันลง เอาเป็นว่ามันขึ้นลงแล้วเราเทรดตามหรือเปล่ากำไรหรือ
ขาดทุน
จบที่ตรงนี้ครับ คำถาม ข้อสงสัย ที่ถามเข้ามาผมตอบหมด แค่ว่าจะตอบไป
ทางไหน ในไลน์หรือหน้าเพจครับ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมก็ตามเข้ามาได้
ครับ ยินดีเสมอ
แยกเป็นสองทางหลักๆ คือ ดีมานด์ความต้องการซื้อทองและซัพพลาย แหล่ง
ป้อนทองสู่ตลาด
ความต้องการทองคำในปัจจุบัน ส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือความต้องการทองในการลงทุน ส่วนการซื้อทองไปเป็นเครื่องประดับนั้นลดลงเนื่องจากราคาที่
สูงขึ้น และสูงขึ้นมาก อีกส่วนนึงที่ถือเป็นปัจจัยหลักคือ จากธนาคารกลาง
ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จำเป็นต้องมีสินทรัพย์มาหนุนค่าเงินตัวเองเพื่อใ
ห้มีความน่าเชื่อถือมากพอ ทองและดอลล่าร์เป็นตัวหลักที่เค้าถือไว้ ในช่วง
ที่ผ่านมาค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงทำให้ทองมีความสำคัญกับพอร์ตของ
ธนาคารกลางมากขึ้นเพราะความด้อยค่าของดอลล่าร์ เวลาที่ดอลล่าร์อ่อนค่
าลงอย่างมีนัยยะสำคัญมักจะมีข่าวการเข้าซื้อทองของธนาคารกลางออกมา
ในส่วนของซัพพลายของทองหรือแหล่งผลิตทอง นอกจากเหมืองทองที่มีอยู่อย่างจำกัดแล้วเราจะมีธนาคารกลางเป็นแหล่งที่มาได้ด้วยเวลาที่ธนาคารกลางปรับพอร์ตที ทองจำนวนมากจะออกมาแต่เนื่องจากมีมาตรการรองรับ
ในส่วนนี้หลายอย่างและไม่ได้เกิดบ่อยๆ จึงไม่ค่อยได้เห็นนัก
สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจ สำหรับการติดตามราคาทองคือ นโยบายการเงิน
สหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะมากระทบนโยบาย ข่าวความเป็นไปในยูโรโซน
ราคาน้ำมัน ทิศทางค่าเงินดอลล่าร์
สิ่งที่ถือว่าเป็นตัวผลักดันหลักๆ คือนโยบายการเงินสหรัฐ เปรียบว่าการเทรด
ทองเป็นการเทรดหุ้น ผลประกอบการของสหรัฐเป็นตัวที่เราจะต้องติดตาม
กำไรดีไหม หนี้เยอะไปไหม อัตราการเจริญเติบโตเป็นอย่างไร แผนงานเป็น
อย่างไร แต่สิ่งที่นำมาประกอบกับทองต้องกลับหัวกลับหางกันครับถ้าสหรัฐ
แย่ ทองจะดีครับ ซึ่งมันจะออกมาในคำพูดที่ว่า ถ้ามีแววว่าค่าเงินดอลล่าร์จะ
อ่อนทองจะขึ้น และถ้าดอลล่าร์จะแข็งทองจะลง
ปัจจัยที่มากระทบต่อทองนั้นมีมากมาย สงครามก็ใช่ แต่หลังๆ สนน้อยลง
สงครามเดี๋ยวนี้ไม่กระจายเป็นวงกว้าง
ทำให้ปัจจัยอีกอย่่างเข้ามามีบทบาทคือปัจจัยทางเทคนิค เพราะคนเทรดทอง
ให้น้ำหนักกับเทคนิคกันเยอะ และเป็นอย่างนี้มาตลอด
เพื่อให้เห็นภาพ ป้จจัยที่มาส่งผลต่อราคาทองมักเป็นปัจจัยด้านตลาดเงิน
มากกว่าตลาดทุน กล่าวคือผมมักเงี่ยหูฟังข่าวทองจากพวกเว็บเทรดค่าเงิน
มากกว่าข่าวตลาดหุ้น ทองมีลักษณะที่ต่างจากโลหะอื่นๆ คือจุดนี้ คือมัน
แทนเงินได้ ราวๆ นี้ครับ
ที่สำคัญที่สุดคือเราต้องตามตลาดให้ทันอย่าอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เพราะมันจะ
ช้าไปสองวัน รู้ว่าอะไรที่เป็นเหตุผลในตลาดในเวลานั้น ความถูกต้องเป็นรอง
ความเชื่อของคนส่วนใหญ่ครับ คนเชื่อว่าไง คนส่วนใหญ่ว่าไง ว่างั้นครับ แค่
ถ้าเราไม่ได้เชื่อไปเหมือนพวกเค้าเราก็มีทางเลือกคือสวนทางกับอยู่เฉยๆ ครับ
หลายๆ ครั้งที่ผมต้องตอบไปว่าเหตุผลช่างมัน เวลาที่ลูกค้าถามว่าทำไมมัน
ขึ้นทำไมมันลง เอาเป็นว่ามันขึ้นลงแล้วเราเทรดตามหรือเปล่ากำไรหรือ
ขาดทุน
จบที่ตรงนี้ครับ คำถาม ข้อสงสัย ที่ถามเข้ามาผมตอบหมด แค่ว่าจะตอบไป
ทางไหน ในไลน์หรือหน้าเพจครับ มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมก็ตามเข้ามาได้
ครับ ยินดีเสมอ