xBT> FED:"รอยเตอร์"วิเคราะห์เครื่องมือที่เฟดอาจนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นิวยอร์ค--29 ส.ค.--รอยเตอร์
ในขณะที่อัตราการว่างงานในสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่า 8 % และมีความ
เป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยโดยได้รับแรงกดดันจากวิกฤติหนี้
ยูโรโซนและจากแรงกดดันทางการคลังในสหรัฐ โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ก็เพิ่มสูงขึ้น
รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.แสดงให้เห็นว่า
เฟดมีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ "ในเร็วๆนี้" นอกจากว่า
เศรษฐกิจสหรัฐจะปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับใกล้ 0 % นับตั้งแต่เดือนธ.ค.
2008 เป็นต้นมา
เฟดได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้จำนองไปแล้วรวมกัน 2.3
ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
ให้ลดต่ำลง และเฟดยังให้สัญญาอีกด้วยว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับต่ำ
เป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงปลายปี 2014 นอกจากนี้ เฟดยังดำเนินมาตรการ
Operation Twist ในช่วงที่ผ่านมาด้วย โดยมาตรการนี้คือการขายพันธบัตร
รัฐบาลสหรัฐระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว
ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในปริมาณเท่ากัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ย
ระยะยาวให้ลดต่ำลง
เทรดเดอร์คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนธ.ค.
2014
นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด จะกล่าวต่อผู้กำหนดนโยบายในการ
ประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮลในรัฐไวโอมิงในวันศุกร์นี้
ต่อไปนี้เป็นทางเลือกที่เฟดอาจจะนำมาใช้:-
*การเข้าซื้อตราสารหนี้เพิ่มเติม
เฟดอาจจะขยายงบดุลบัญชีที่มีขนาด 2.85 ล้านล้านดอลลาร์ออกไปอีก
โดยใช้วิธีเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ, เข้าซื้อตราสารหนี้จำนอง หรือเข้าซื้อ
ตราสารหนี้ทั้งสองประเภทนี้พร้อมกัน โดยเฟดเคยดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิง
ปริมาณ (QE) ไปแล้วสองรอบในช่วงที่ผ่านมา โดยเข้าซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก
ภายใต้มาตรการดังกล่าว
ในการประชุมเฟดครั้งล่าสุด ผู้กำหนดนโยบายบางรายสนับสนุนให้เฟด
ใช้มาตรการ "ที่มีความยืดหยุ่น" โดยมาตรการดังกล่าวจะไม่ระบุปริมาณเงิน
ที่แน่นอนที่เฟดจะใช้ในการเข้าซื้อตราสารหนี้ แต่จะอนุญาตให้เฟดเข้าซื้อตราสารหนี้
ได้มากหรือน้อยตามความจำเป็น
ประโยชน์: การดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 หรือ
QE3 มีแนวโน้มที่จะเป็นเครื่องมือที่ทรงอิทธิพลที่สุดที่เฟดมีอยู่ และตลาดการเงิน
กับสาธารณชนก็มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับ QE ทั้งนี้ นายเบอร์นันเก้และ
เจ้าหน้าที่บางคนกล่าวว่า การดำเนิน QE1 และ QE2 ส่งผลให้อัตราผล
ตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีและพันธบัตรอื่นๆร่วงลง
ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้นักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง และปัจจัยนี้ส่งผลบวก
ต่อตลาดหุ้น
ความเสี่ยง: ถึงแม้เจ้าหน้าที่เฟดกล่าวว่า เฟดสามารถระบาย
สินทรัพย์จำนวนมากในงบดุลของเฟดออกมาได้ก่อนที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อ
แต่เฟดก็ไม่เคยทำเช่นนี้กับสินทรัพย์จำนวนมากเท่านี้มาก่อน ทางด้านสมาชิก
สภาคองเกรสสายอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า เฟดควรที่จะงดเว้นจากการดำเนิน QE
ต่อไป โดยให้เหตุผลว่าการดำเนิน QE3 จะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและ
จะเป็นการเปิดโอกาสให้สภาคองเกรสและประธานาธิบดีสหรัฐหลีกเลี่ยง
การแก้ไขปัญหาทางการคลัง ทางด้านเจ้าหน้าที่เฟดเองก็ยอมรับว่า
เฟดมีข้อจำกัดในการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม เพราะการเข้าซื้อ
พันธบัตรในระดับที่มากเกินไปจะส่งผลให้ตลาดไม่สามารถทำงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
*การยืดเวลาในการให้สัญญาเรื่องอัตราดอกเบี้ย หรือการใช้วิธีการ
ทางการสื่อสารอื่นๆ
เฟดระบุในช่วงที่ผ่านมาว่า เฟดคาดว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
จะสนับสนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากต่อไปอย่างน้อยจนถึง
ปลายปี 2014 ทั้งนี้ รายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.
ระบุว่า สมาชิกหลายคนในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด
(FOMC) สนับสนุนให้เฟดยืดเวลาในสัญญาดังกล่าวออกไป ถึงแม้ว่าสมาชิก
เฟดเลื่อนเวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้ออกไปจนถึงเดือนก.ย.
ประโยชน์: วิธีการนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงหรือความคิดเห็นขัดแย้ง
เหมือนกับ QE3 ซึ่งการระบุว่าเฟดมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปี
2015 หรือหลังจากนั้นอาจช่วยควบคุมการคาดการณ์ในตลาด
ความเสี่ยง: การยืดเวลาในการให้สัญญาเรื่องนี้อาจจะไม่ส่งผลบวก
ทางจิตวิทยาต่อตลาดมากเท่ากับที่เฟดต้องการ นอกจากนี้ ยิ่งเฟดยืดเวลาในสัญญา
ดังกล่าวออกไปในอนาคตมากเพียงใด สัญญาดังกล่าวก็จะยิ่งมีความน่าเชื่อถือน้อยลง
เพียงนั้น เพราะวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของนายเบอร์นันเก้ในสมัย
ปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในเดือนม.ค.2014 และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่านายเบอร์นันเก้
จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานเฟดหรือไม่ในช่วงเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาดังกล่าว
*การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์
เฟดจ่ายอัตราดอกเบี้ย 0.25 % ให้แก่ทุนสำรองที่ธนาคารพาณิชย์
ฝากไว้ที่เฟด และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวอาจเป็นการบังคับให้ธนาคาร
พาณิชย์นำเงินดังกล่าวออกไปปล่อยกู้
ประโยชน์: วิธีการนี้จะเป็นการกระตุ้นธนาคารพาณิชย์ และเป็น
เครื่องมือที่เฟดพร้อมจะนำมาใช้เพื่อทำประโยชน์จากทุนสำรองจำนวนมาก
ที่เฟดสร้างขึ้นมาด้วยการขยายขนาดงบดุลของตนเอง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป
(อีซีบี) ได้ดำเนินมาตรการที่คล้ายคลึงกันไปแล้ว และได้รับประโยชน์จาก
มาตรการดังกล่าว
ความเสี่ยง: นักเศรษฐศาสตร์ของเฟดสาขานิวยอร์คระบุว่า
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับ 0.25 % ในปัจจุบันจะไม่ก่อให้เกิด
ความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางรายยังกังวลอีก
ด้วยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้จะสร้างความเสียหายต่อกองทุนรวม
ในตลาดเงิน เพราะกองทุนประเภทนี้จะประสบความยากลำบากในการ
ดำเนินงานถ้าหากอัตราดอกเบี้ยนี้เข้าใกล้ระดับ 0 % มากยิ่งขึ้น
*การใช้ discount window ของเฟด
นายเบอร์นันเก้เคยระบุว่า discount window เป็นเครื่องมือหนึ่ง
ที่เฟดสามารถนำมาใช้ในการผ่อนคลายนโยบายลงต่อไป
Discount window คือช่องทางที่ธนาคารพาณิชย์ที่รับฝากเงินสามารถ
กู้ยืมเงินโดยตรงจากเฟดเมื่อใดก็ตามที่ธนาคารแห่งนั้นไม่สามารถระดมทุนจาก
ช่องทางอื่นๆได้ อย่างไรก็ดี ตลาดไม่ได้มองว่าช่องทางนี้เป็นเครื่องมือหนึ่ง
ที่เฟดอาจนำมาใช้ในการผ่อนคลายนโยบายการเงินลงต่อไป เนื่องจากธนาคาร
พาณิชย์มักหลีกเลี่ยงจากการกู้เงินใน discount window เพราะเกรงว่า
การกระทำดังกล่าวจะทำให้ตลาดมองว่าธนาคารแห่งนั้นมีสถานะอ่อนแอมาก
จนไม่สามารถระดมทุนที่จำเป็นในตลาด
ถึงแม้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับใกล้ 0 % ในช่วง
ที่ผ่านมา แต่เฟดก็เรียกเก็บดอกเบี้ย 0.75 % จากการปล่อยกู้ผ่าน discount
window ในปัจจุบัน เพื่อเป็นการรับประกันว่าเฟดไม่ได้ให้ทุนอุดหนุนธนาคาร
พาณิชย์
ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เฟดจะใช้วิธีการใดในการทำให้ discount
window กลายเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์กันว่า
เฟดอาจวางโครงการในการให้แรงจูงใจแก่ธนาคารพาณิชย์ในการปล่อยกู้
ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ประกาศโครงการจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
แก่ธนาคารพาณิชย์เมื่อเร็วๆนี้ โดยมีข้อแม้ว่าธนาคารพาณิชย์ในโครงการนี้จะต้อง
นำเงินดังกล่าวไปปล่อยกู้แก่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ขณะที่ในการประชุมกำหนด
นโยบายเฟดในวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค.นั้น เจ้าหน้าที่เฟด 2-3 รายแสดงความ
สนใจที่จะนำแนวคิดของ BOE มาปรับใช้ในสหรัฐด้วย แต่เจ้าหน้าที่เฟดตั้งข้อสังเกต
ว่ามีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างอังกฤษกับสหรัฐ
ประโยชน์: discount window ถือเป็นเครื่องมือที่เฟดพร้อมที่จะนำมาใช้
ความเสี่ยง: การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับที่ต่ำอยู่แล้วอาจจะส่ง
ผลบวกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ย
ต่ำให้แก่ธนาคารพาณิชย์จะกระตุ้นอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งขึ้นได้มาก
เพียงใด โดยเฉพาะการจัดหาเงินกู้ผ่านทางกลไกที่อาจสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียง
ของธนาคารพาณิชย์แบบนี้ โดยการปล่อยกู้เพิ่มเติมผ่านทาง discount window
จะเป็นการขยายขนาดงบดุลของเฟดด้วย ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
เพิ่มสูงขึ้น--จบ--
(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปล; ก้องเกียรติ กอวีรกิติ เรียบเรียง)
((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 0-2648-9741;
Reuters Messaging: jit.phokaew.reuters.com@reuters.net))